Last updated: 27 พ.ย. 2566 | 575 จำนวนผู้เข้าชม |
"เที่ยวที่ไหน ...ไม่สุขใจเหมือนบ้านเรา"
คำกล่าวนี้ยังคงใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย เพราะไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด แต่เมืองไทยก็ยังคงความงดงาม ชวนให้เดินทางไปสัมผัสในทุกแง่มุมไม่เปลี่ยนแปลง
เฉกเช่น ทริปท่องเที่ยวจังหวัดใกล้กรุง "สมุทรสงคราม" ที่นำมาฝากกันวันนี้ ซึ่งนำเสนอโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายใต้โครงการ “STGs เที่ยว 4 ดี ดีต่อโลก ดีต่อเรา” ที่ดึงพระเอกยอดนิยม “เจมส์ จิรายุ” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ชวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ มาร่วมสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนแบบ 4 ดี (สิ่งแวดล้อมดี-วัฒนธรรมดี-เศรษฐกิจดี-ชีวิตดี) ที่เชื่อว่าใครที่ชอบท่องเที่ยวแนววิถีไทย ใกล้ชิดธรรมชาติ แมกไม้ สายน้ำ รับรองถูกใจ
จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์เพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมง เราก็มาถึง "Somdul Agroforestry Home" หรือเรียกกันแบบสั้นๆ จำได้ง่ายว่า "สมดุล" หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการ STGs ที่มีลักษณะโดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยที่นี่ได้รวมความเป็นคาเฟ่ ร้านอาหาร และศูนย์การเรียนรู้เกษตรกรรมเชิงวนเกษตรและสหกรณ์ไว้ในพื้นที่เดียวกันได้อย่างลงตัว ยึดหลักการสร้าง "ความสมดุล" ให้เกิดขึ้น สู่เป้าหมายสำคัญคือการใช้ชีวิตในทุกวันอย่างมีความสุข
คุณอติคุณ ทองแตง หรือคุณเอี่ยม หนึ่งในผู้ก่อตั้ง ได้บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของ "สมดุล" จวบจนวันนี้ที่กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงสิ่งแวดล้อมว่า คำว่า "สมดุล" สำหรับหลายๆ คนอาจมีความหมายแตกต่างกันไป แต่สำหรับเราแล้ว สมดุลเป็นเพียงคำสรุปสั้นๆ ของทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ เป็นความสมดุลระหว่างธรรมชาติกับเมือง ความสมดุลระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ ความสมดุลระหว่างวิถีชาวบ้านและคนเมือง ซึ่งทั้งหมดนี้เริ่มมาจากการที่เราไม่อยากนั่งทำงานในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ เราอยากทำงานท่ามกลางธรรมชาติ มีเสียงนก เสียงลมช่วยบำบัดยามที่เราเหนื่อยล้า และสามารถสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองให้มีความสุขในทุกวัน ซึ่งนี่เองคือแรงบันดาลใจให้เราเริ่มศึกษา "วนเกษตร" การทำเกษตรในป่า ปลูกในสิ่งที่กิน กินในสิ่งที่ปลูก กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดโอกาสให้คนภายนอกได้เข้ามาสัมผัส พักผ่อนหย่อนใจ กินอาหารที่เป็นผลผลิตจากธรรมชาติล้วนๆ ปราศจากสารเคมี
สำหรับนักท่องเที่ยวที่แวะมาที่ "สมดุล" นอกจากจะได้พักผ่อนจิบกาแฟ เครื่องดื่ม นั่งรับประทานอาหารที่ทำจากวัตถุดิบที่เพาะเลี้ยงในพื้นที่ ชมวิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำแม่กลองแล้ว เมื่อเดินเล่นไปรอบๆ ยังได้ เรียนรู้วิถีเกษตรธรรมชาติ ชมฟาร์มผักออแกนิก การเลี้ยงไก่แบบเปิด การเลี้ยงผึ้งชันโรง ซึ่งเป็นผึ้งพื้นเมืองและแมลงผสมเกสรซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความปลอดสารเคมี และความสมบูรณ์ของระบบนิเวศในพื้นที่นั้นๆ รวมถึงการจัดการน้ำ ขยะ และไฟฟ้า อย่างครบวงจร ที่สำคัญ "สมดุล" ยังเป็นสถานที่ Pet friendly ยินดีต้อนรับสัตว์เลี้ยง โดยน้องๆ ทั้งหลายสามารถมาวิ่งเล่นพักผ่อน ภายในอาณาบริเวณที่กว้างขวาง ท่ามกลางความร่มรื่นของธรรมชาติได้อย่างมีความสุขอีกด้วย
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มา "เมืองสามน้ำ" ทั้งที ถ้าไม่แวะคงน่าเสียดาย นั่นก็คือ "บ้านริมคลองโฮมสเตย์" ชมสวนมะพร้าว ที่มาของน้ำตาลสดแม่กลอง การสาธิตการปาดน้ำตาล พร้อมชิมสดๆ จากต้น ที่ต้องบอกเลยว่า กว่าจะได้สักหยดไม่ใช่เรื่องง่าย จากนั้นมาร่วมทำกิจกรรม workshop ทดลอง "หยอดน้ำตาลป็อก" รูปเข่งปลาทู การปั้นลูกชุบ ก่อนปิดท้ายด้วยการล่องเรือ สัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำ ผ่านวัดจุฬามณี สถานที่ประดิษฐาน "องค์ท้าวเวสสุวรรณ" เรื่อยมาจนถึง "ตลาดน้ำอัมพวา" ที่ยังคงมนต์เสน่ห์ เนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ดำเนินยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านการท่องเที่ยวให้เกิดความสมดุลในทุกมิติ ทั่วทุกจังหวัด เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน รวมถึงจังหวัดสมุทรสงครามที่นับเป็นจุดหมายปลายทางลำดับต้นๆ ของผู้ที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวแบบเช้าไป- เย็นกลับ หรือแวะค้างเพียง 1 คืน โดย
นางดวงใจ คุ้มสอาด รองผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม เปิดเผยว่า ในส่วนของจังหวัดสมุทรสงครามจริงๆ แล้วมีสินค้าท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ในรูปแบบการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในหลายกืจกรรม อาทิ การปลูกป่าชายเลน กิจกรรม CSR นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเกษตรอินทรีย์ เช่น การทำสวนส้มออแกนิกไม่ใช้สารเคมี ส่งเสริมการท่องเที่ยวใส่ใจสิ่งแวดล้อม การปลูกมะม่วงหาวมะนาวโห่ตามแนวคิด Zero Waste คือ ใช้ทั้งหมด ตั้งแต่เปลือก ผล มาทำผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น แยม ชาชงดื่ม เป็นต้น
เที่ยวเมืองไทยสบายๆ แบบเช้าไป เย็นกลับ "เที่ยวเมืองสามน้ำ สมุทรสงคราม" อีกหนึ่งประสบการณ์ชีวิต ที่รับรองได้ว่า จะทำให้คุณประทับใจไม่รู้ลืม