"Entec" ผนึกพันธมิตร สร้าง “แพลตฟอร์มแพ็กแบตเตอรี่มาตรฐานแบบสับเปลี่ยน สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า”

Last updated: 26 พ.ค. 2566  |  499 จำนวนผู้เข้าชม  | 

"Entec" ผนึกพันธมิตร สร้าง “แพลตฟอร์มแพ็กแบตเตอรี่มาตรฐานแบบสับเปลี่ยน สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า”

"Entec" ผนึกพันธมิตร ยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ สร้าง “แพลตฟอร์มแพ็กแบตเตอรี่มาตรฐานแบบสับเปลี่ยน สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า”

ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีเปิด “การทดสอบภาคสนามจากผลงานโครงการวิจัยและพัฒนาแพลตฟอร์มแพ็กแบตเตอรี่มาตรฐานแบบสับเปลี่ยนสำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ในประเทศไทย” พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร.นพ. สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ศาสตราจารย์ ดร.นิสัย เฟื่องเวโรจน์สกุล ผู้แทนผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และอนุกรรมการแผนงานกลุ่มระบบคมนาคมแห่งอนาคต ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สายงานกลยุทธ์องค์กร ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สวทช. ดร.พิมพา ลิ้มทองกุล หัวหน้าโครงการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน ณ ลานจอดรถ อาคารศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. กล่าวว่า รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติ เป็นประธานในพิธีเปิดการทดสอบภาคสนามจากผลงานโครงการวิจัยและพัฒนาแพลตฟอร์มแพ็กแบตเตอรี่มาตรฐานแบบสับเปลี่ยนสำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นความสำเร็จของระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรมที่มีการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง จนเกิดผลงานที่ตอบโจทย์ภาคเอกชนและกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จะเห็นได้ว่าในปัจจุบัน ประเทศไทยมีจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่ได้รับความนิยมและมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้ต้องมีความตระหนัก และต้องผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Roadmap 30@30) ที่ตั้งเป้าหมายที่จะผลิตยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์อย่างน้อย 30% ภายในปี ค.ศ. 2030 โครงการนี้จะแสดงให้เห็นถึงการเกิดนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผู้ใช้คือภาคเอกชน โดยมีรัฐบาลผลักดัน และยังแสดงถึงการเพิ่มขีดความสามารถของการสร้างองค์ความรู้ และพัฒนาบุคลากรภาคการผลิตไปพร้อมๆกัน ทั้งนี้ขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมและสนับสนุน จนมาถึงการทดสอบภาคสนาม ซึ่งถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้าและพัฒนาสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับจักรยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อพัฒนาข้อกำหนดและระเบียบที่เกี่ยวข้องไปสู่เชิงพาณิชย์

“วันนี้เป็นบรรยากาศแห่งความสำเร็จ ที่เราจะได้เห็นอุตสาหกรรมรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าซึ่งมีอนาคตมาก ซึ่งประเทศไทยก็ใช้มอเตอร์ไซค์เป็นจำนวนมาก ทั้งวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างและมอเตอร์ไซค์สำหรับส่งของ โดยมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีโดยเฉพาะแพลตฟอร์มแพ็กแบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยนสำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าฯ ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ง่าย อย่างไรก็ตามการจะก้าวไปสู่ประเทศพัฒนาแล้วต้องขายความรู้ ขายวิทยาศาสตร์ ขายเทคโนโลยี ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นและแข่งขันกับนานาประเทศได้ โดยใช้เวลา 1 ปีครึ่ง ทีมวิจัยและภาคเอกชน สามารถทำให้เกิดแพ็กแบตเตอรี่สำเร็จ และรัฐบาลพร้อมจะส่งเสริมให้อุตสาหกรรมเหล่านี้ไปสู่ต่างประเทศด้วย

อย่างไรก็ดีต่อไป กระทรวง อว. ควรถูกจัดให้เป็นกระทรวงเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยก้าวสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วได้เร็วขึ้น ดังนั้นขั้นต่อไปคือ การก้าวไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว มีรายได้เพิ่มสูงขึ้น โดยต้องขายของที่มีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่งออกสินค้าและเทคโนโลยีที่มีระดับสูงขึ้น หรือขายของอยู่บนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วต่อไป” รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. กล่าว

ศาสตราจารย์ ดร.นพ. สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า พันธกิจของ สวทช. ที่มุ่งเน้นการวิจัย พัฒนา ออกแบบ และวิศวกรรม สนับสนุนการขับเคลื่อนประเทศทั้งในภาคเศรษฐกิจและสังคม สวทช. มีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่แก้ข้อจำกัดของภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบัน รวมถึงพัฒนานวัตกรรมที่รองรับกับสถานการณ์ในอนาคต เน้นให้เกิดการใช้ได้จริงและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับภาคอุตสาหกรรมและเป็นไปตามแนวทางเศรษฐกิจ ที่จะต้องต่อยอดจุดแข็งของประเทศที่มีอยู่ให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะส่งเสริมให้เกิดการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า จึงเป็นที่มาในการดำเนิน

“โครงการวิจัยและพัฒนาแพลตฟอร์มแพ็กแบตเตอรี่มาตรฐานแบบสับเปลี่ยนสำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ในประเทศไทย” โครงการดังกล่าว มีสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ โดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) เป็นผู้ให้ทุน และมีบริษัท เบต้า เอ็นเนอร์ยี่ โซลูชั่น จำกัด บริษัท จีพี มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท ไอ-มอเตอร์แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด และบริษัท กริดวิซ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ให้ทุนร่วม รวมทั้งดำเนินการวิจัยและพัฒนาร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนว่า การผนึกกำลังของทั้ง 9 หน่วยงาน ก่อให้เกิดการพัฒนาระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในไทยจนออกมาเป็นผลสำเร็จ ซึ่งก็คือแพล็ตฟอร์มแพ็กแบตเตอรี่สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพื่อนำไปสู่การยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ในประเทศไทย เกิดการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา

ด้าน ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สวทช. กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เพื่อเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมใหม่ๆ โดยโครงการนี้ได้มีการสำรวจปัญหาและอุปสรรคตลอดจนมีการประชาพิจารณ์มาอย่างรอบด้านค่อนข้างครบถ้วน ที่สำคัญมีการทดสอบในห้องแล็ปและได้มีการทดสอบจริงว่ามีอะไรที่ต้องปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาต่อไป นอกจากนั้นยังมีการพัฒนาเพื่อนำไปใช้กับยานยนต์อื่น ๆ ให้มีความหลากหลาย เช่น เครื่องตัดหญ้า ยานยนต์ 3 ล้อ เป็นต้น ทั้งนี้ยังเปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการอื่นๆ สามารถพัฒนายานยนต์ขึ้นมาโดยใช้แพล็ตฟอร์มแบตเตอร์รี่ อย่างไรก็ตามยังคงพัฒนาแพล็ตฟอร์มเพื่อก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และอุตสาหกรรมสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าต่อไป

สำหรับโครงการนี้เป็นโครงการความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องข้างต้นที่ต้องการผลักดันให้เกิดมาตรฐานเทคนิคกลางระหว่างแบตเตอรี่ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ตู้ประจุไฟฟ้า รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ของมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในประเทศไทย ส่งเสริมให้ผู้ให้บริการด้านแบตเตอรี่ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และตู้ประจุไฟฟ้าในแต่ละราย สามารถดำเนินการระหว่างกันได้ผ่านมาตรฐานกลางที่วางไว้ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า สามารถสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการผลิต การถือครองมอเตอร์ไซค์ แพ็กและสถานีประจุไฟฟ้า มุ่งหวังว่าจะส่งผลให้เกิดการใช้งานยานยนต์ที่สะดวกอย่างแพร่หลายและเกิดอุตสาหกรรมที่พึ่งพาตนเองได้ภายในประเทศ โดยในโครงการได้มีต้นแบบเกิดขึ้น คือ ต้นแบบแพ็กแบตเตอรี่มาตรฐานแบบสับเปลี่ยน 1 รุ่น ที่ใช้งานกับ ต้นแบบมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2 รุ่น 2 ยี่ห้อ และต้นแบบสถานีสับเปลี่ยน 3 สถานี ซึ่งติดตั้งสถานีชาร์จที่บริเวณหน้าศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. ปั๊มน้ำมันบางจาก เอกมัย-รามอินทรา คู่ขนาน 4 กรุงเทพมหานคร และศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง จ.นนทบุรี โดยจากนี้จะทดสอบต้นแบบทั้งหมดที่พัฒนาจากข้อกำหนดร่วมในสภาวะการใช้งานจริง เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะความเป็นไปได้ในการพัฒนาแพล็ตฟอร์มสำหรับประเทศไทยต่อไป


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้