Last updated: 18 ก.พ. 2567 | 1526 จำนวนผู้เข้าชม |
หลายคนคงรู้จักจระเข้เป็นอย่างดี เพราะจระเข้เป็นสัตว์คุ้มครอง ส่วนต่างๆ ของจระเข้ถูกนำมาใช้ประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหนังที่นำมาทำเครื่องประดับ เนื้อนำมารับประทาน การขายชิ้นส่วนของจระเข้จึงมีการขยายตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมูลค่าของจระเข้หนึ่งตัวเมื่อนำไปแยกชิ้นส่วนเพื่อการค้าอย่างถูกกฎหมายจะได้ราคาสูงมาก จระเข้เกือบทั้งตัวสามารถนำไปขายได้จะมีส่วนที่เหลือทิ้งขายไม่ได้ก็คือ ข้ออ่อน เครื่องใน และกระดูกซึ่งเป็นส่วนที่เหลือทิ้งและส่วนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้ทำหนัง สามารถนำกลับมาเพิ่มมูลค่าให้เป็นอย่างอื่นได้
รศ.ดร. ณัฏฐ์วี กล่าวว่า “การเลี้ยงจระเข้ในประเทศไทยเป็นการผลิตหนัง แน่นอนเนื้อหรือส่วนอื่น ๆ ก็ขาย โดยเฉพาะเนื้อเป็นที่นิยมของขาวต่างประเทศมากกว่าคนไทย ที่สำคัญมีส่วนที่เหลือทิ้งจากจระเข้จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นข้ออ่อน กระดูกอ่อน ( Cartilage) เครื่องใน หนัง สิ่งนี้น่าจะนำกลับมาเพิ่มมูลค่าให้เป็นอย่างอื่นได้ และหนึ่งในโจทย์ที่บริษัทศรีราชาฟาร์ม (เอเชีย) ติดต่อมาทางภาควิชาเทคโนโลยีชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเราก็มีองค์ความรู้ ในเรื่องของโปรตีนที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะ โปรตีนคอลลาเจนที่กำลังเป็นที่นิยมของผู้บริโภค ซึ่งโปรตีนคอลลาเจนมาจากหลายแหล่ง จากหมู วัว ฮาลาลมีปลา และแมงกะพรุนก็มี ในส่วนของคอลลาเจนจากจระเข้ซึ่งมีกระดูกอ่อนหลายส่วนสามารถนำมาวิเคราะห์ว่ามีคุณสมบัติทำได้หรือเปล่าหรือมีฤทธิ์ที่ดีขึ้นหรือแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในท้องตลาด”
ด้วยเหตุนี้คณะผู้วิจัยภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาค คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลโดย รศ.ดร. ณัฏฐ์วี เนียมศิริ และ บริษัทเอกชนผู้ร่วมทุนฯ บริษัทศรีราชา ฟาร์ม (เอเชีย) ได้ร่วมกันพัฒนา โดยงานวิจัยนี้เป็นการร่วมพัฒนาซึ่งได้รับทุนจากภาครัฐ (วช.)และบริษัทศรีราชา ฟาร์ม (เอเชีย) ซึ่งเป็นบริษัทที่เลี้ยงจระเข้อย่างถูกกฎหมาย
คอลลาเจนมีหลายชนิดขึ้นอยู่กับเนื้อเยื่อ อย่างไทพ์วัน ช่วยในเรื่องของผิวหนังความสวยงาม แต่มีคอลลาเจนที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษในสังคมผุ้สูงวัยเรื่องแก้ปัญหาโรคข้อเข่าก็คือ ไทพ์ทู ปัจจุบันจะผลิตมาจากกระดูกอ่อนจากสัตว์ซึ่งจะช่วยทำให้ร่างกายย่อยและดูดซึมโปรตีนได้ง่าย
จากงานวิจัยทางคลินิกแสดงให้เห็นว่าการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทคลลาเจน (Undenatured Collagen)และคอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) ชนิดคอลลาเจนไทพ์ทู(Collagen Type II) ในปริมาณที่เพียงพอต่อวันสามารถช่วยลดอาการปวดข้อได้ ประกอบกับปัจจุบันปัญหาสังคมผู้สูงอายุมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย โดยเฉพาะประเทศไทยที่ถือว่ามีจำนวนผุ้สูงอายุที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อเข่าเสื่อมและกระดูกพรุนเพิ่มสูงขึ้นเป็นอันดับ 3 ของทวีปเอเชียๆ ดังนั้นผลงานวิจัยนี้ สามารถแก้ปัญหาสังคมและสร้างประโยชน์ด้วยการนำไปใช้ทำอาหารเสริมสำหรับแก้ปัญหาสังคมผู้สูงวัยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
สำหรับแรงจูงใจของการวิจัยนี้ รศ.ดร. ณัฏฐ์วี กล่าวว่า การใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เพื่อช่วยสังคมเมื่อมีโจทย์เข้ามา ที่สำคัญยังต้องเทรนด์นักศึกษาของเราว่าวิทยาศาสรต์ช่วยแก้ปัญหาหลาย ๆ อย่างได้
ในส่วนของการได้รับทุนวิจัยจาก ภาครัฐ (วช.) ที่มองว่าในอนาคตประเทศไทยจะมีจำนวนผุ้สูงอายุเพิ่มขึ้น เป็นสังคมผู้สูงวัยปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจะตามมาโดยเฉพาะเรื่องข้อและ กระดูก ซึ่งทางคณะผู้วิจัยต้องการผลิตสารอาหารที่เป็นประโยชน์ ต่อสังคมผู้สูงวัย การวิจัยครั้งนี้จึงตอบโจทย์และเป็นประโยชน์ต่อสังคมผุ้สูงวัย ดังนั้นผลงานวิจัยที่เกิดขึ้น จะมีประโยชน์ทั้ง วช. เองที่เป็นหน่วยงานภาครัฐ ส่วนองค์ความรู้เป็นของมหาวิทยาลัย เอกชนซึ่งขับเคลื่อนสามารถนำองค์ความรู้ไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ต่อไป สำหรับผุ้ที่สนใจคงไม่นานเกินรอในปีนี้หรือปีหน้า จะมีผลิตภัณฑ์คอลลาเจน ไทพ์ ทู ที่ออกสู่ตลาดเพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับข้อเข่าและกระดูกจากผู้สูงวัยต่อไป