NARIT พลิกโฉมดาราศาสตร์ไทยสู่เบอร์หนึ่งอาเซียน พร้อมเปิด มิติใหม่ Astronomy+ ยกระดับคุณค่าไทยสู่เวทีโลก

Last updated: 29 ม.ค. 2568  |  119 จำนวนผู้เข้าชม  | 

NARIT พลิกโฉมดาราศาสตร์ไทยสู่เบอร์หนึ่งอาเซียน พร้อมเปิด มิติใหม่  Astronomy+ ยกระดับคุณค่าไทยสู่เวทีโลก

หลายคนอาจจะคิดว่าวิชาดาราศาสตร์จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่อยู่นอกโลกเป็นเรื่องของจักรวาล มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า  ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนเกี่ยวข้องกับมนุษย์ที่จะเข้ามาตอบโจทย์และหาคำตอบ ความเป็นไปของโลกใบนี้   ความต้องการคำตอบถูกนำมาพัฒนา วิจัยผสมผสานเทคโนโลยีอย่างลงตัวบนความท้าทายของมนุษย์ที่พยายามอย่างมากจากผู้เชี่ยวชาญ ด้านต่าง ๆ  จากนักวิจัยที่เข้ามาพัฒนาเทคโนโลยี  ดาราศาสตร์ ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางดาราศาสตร์ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรา  ผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เราใช้ เช่น คอมพิวเตอร์  มือถือ  ดาวเทียม  สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นถ้ามนุษย์ไม่มีความอยากรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร. หรือ NARIT) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เผยดาราศาสตร์ไทยก้าวขึ้นสู่ระดับแถวหน้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมประกาศแนวคิด “Astronomy+” ที่มุ่งขยายบทบาทของดาราศาสตร์ในหลายมิติ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสู่ประเทศไทย


ดร. ศรัณย์ โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กล่าวว่า ดาราศาสตร์ไม่เป็นเพียงการศึกษาท้องฟ้า หรือดูดาว แต่การศึกษาวิจัยดาราศาสตร์ยังมีส่วนสำคัญในการสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนแปลงโลกที่ใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น Wifi กล้องดิจิทัล MRI ฯลฯ การลงทุนในดาราศาสตร์ไม่เพียงแต่สร้างเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ในหลายด้านแต่ยังช่วยพัฒนากำลังคนและสร้างแรงบันดาลใจได้ดีกว่าวิทยาศาสตร์ในสาขาอื่น ๆ

16 ปีที่ผ่านมา NARIT มุ่งใช้โจทย์ที่ท้าทายที่สุดทางดาราศาสตร์เป็นเครื่องมือผลักดันนวัตกรรมล้ำหน้า ผลักดันเทคโนโลยีที่คิดค้นขึ้นเพื่อใช้ในงานวิจัยใช้ดาราศาสตร์เป็นเครื่องมือสร้างจินตนาการ สร้างแรงบันดาลใจในการศึกษาวิทยาศาสตร์รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม  

NARIT ได้ตีพิมพ์งานวิจัยมากกว่า 600 เรื่อง และมีการอ้างอิงถึงงานวิจัยเหล่านี้มากถึง 11,000 ครั้ง ซึ่งแสดงถึงคุณภาพงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล  โดยมีนักวิจัยหญิงและชายในสัดส่วนที่เท่าเทียมกัน นอกจากนี้ยังมีนักดาราศาสตร์ไทยที่ได้รับโอกาสในการใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เว็บบ์ศึกษาวิจัยกาแล็กซีที่ไกลที่สุด และศึกษาดาวระเบิด การสิ้นอายุขัยในระบบไฮเปอร์โนวาซึ่งได้จำนวนชั่วโมงในการใช้กล้องมากกว่าพันชั่วโมงของเวลาการใช้กล้องทั้งหมดคิดเทียบเป็นมูลค่ากว่าสามร้อยล้านบาท ซึ่งแสดงถึงศักยภาพของนักวิจัยไทยในการแข่งขันในเวทีโลก

นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยด้านโบราณดาราศาสตร์ เชื่อมโยงความรู้ดาราศาสตร์กับประวัติศาสตร์หาอายุของโบราณสถานจากการเปลี่ยนตำแหน่งของดาวฤกษ์


NARIT ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรระดับโลก โดยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการวิจัยทางดาราศาสตร์และการแสวงหาความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านการวิจัย นอกจากนั้น NARITยังพัฒนาศึกษาค้นคว้าด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมขั้นสูงเพื่อพัฒนาอุปกรณ์เครื่องมือที่ตอบโจทย์งานวิจัยขั้นแนวหน้ามาเป็นลำดับ เพื่อการพึ่งพาตนเอง ลดการนำเข้าและพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร  นอกจากนี้ยังให้บริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์แก่ประชาชน ผ่านหอดูดาวภูมิภาคสำหรับประชาชน 6 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร จ.เชียงใหม่ หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา นครราชสีมา ขอนแก่น ฉะเชิงเทรา สงขลา และพิษณุโลกเพื่อกระจายความรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงและทัดเทียมกันปัจจุบันมีประชาชนให้ความสนใจใช้บริการท้องฟ้าจำลองกว่า 4 ล้านคนทั่วประเทศและพร้อมขับเคลื่อนโครงการสำคัญ “มอบกล้องโทรทรรศน์และท้องฟ้าจำลอง” ให้กับโรงเรียนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ดาราศาสตร์ จนทำให้  NARIT ได้รับรางวัลองค์กรที่มีการจัดกิจกรรมOutreach ที่ดีที่สุดในโลกจากสหพันธ์ดาราศาสตร์นานาชาติ  นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือในโครงการวิจัยระดับโลก เช่น CTA, EAO, GOTO, JUNO, และ ILRS  เพื่อแบ่งปันความรู้และยกระดับการศึกษาวิจัยด้านดาราศาสตร์ในประเทศไทย


ด้าน ดร.วิภู รุโจปการ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กล่าวว่า ก้าวต่อไปของ NARIT

คือแนวคิด Astronomy+ ดาราศาสตร์จะมีบทบาทในบริบทที่กว้างขึ้นทุกอย่างที่ยึดโยงกับดาราศาสตร์จะมีประโยชน์กับสังคมแบบจับต้องได้พร้อมขับเคลื่อนงานวิจัยและงานพัฒนาเทคโนโลยีและวิศวกรรมขั้นสูงที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยแนวคิดดังกล่าวแบ่งเป็น

Research+ การวิจัยดาราศาสตร์ในอนาคตจะมุ่งเน้นไปที่การศึกษาในระดับ Frontier ได้แก่การศึกษากาแล็กซีในยุคแรก การระเบิดของดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุด และการสำรวจดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะพร้อมมุ่งสู่การทำความเข้าใจธรรมชาติของเอกภพอย่างลึกซึ้ง ด้านการสำรวจดวงจันทร์และอวกาศห้วงลึกนักดาราศาสตร์ไทยจะได้รับข้อมูลจากการสำรวจที่ล้ำหน้า ทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและการศึกษาวิจัยซึ่งจะช่วยเพิ่มความเข้าใจในธรรมชาติของดวงอาทิตย์ โดยเฉพาะในช่วง Solar Maximumที่มีพลังงานสูงมากในทุก ๆ 11 ปี นอกจากนี้ งานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์บรรยากาศยังมุ่งเน้นการศึกษามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะ PM2.5 ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ ACSM 3 ในสามภูมิภาคหลัก  ได้แก่ เชียงใหม่ กรุงเทพฯ และสงขลา  เพื่อเก็บข้อมูลทางเคมีและร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหาวิธีแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืน

Infrastructure+ ผลักดันโครงสร้างพื้นฐานใหม่เพื่อพัฒนาขีดความสามารถด้านการวิจัย
และบุคลากร ได้แก่ การสร้างกล้องโทรทรรศน์วิทยุแบบวีกอส ขนาด 13 เมตร สำหรับศึกษาทางด้านยีออเดซี  ใช้เทคนิคดาราศาสตร์เก็บข้อมูลการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก ยูเรเซียนเพลท ซุนดาเพลท และ อินเดียนเพลท รวมถึงการเกิดแผ่นดินไหวด้วยความแม่นยำระดับมิลลิเมตรต่อปี โดยจะติดตั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่  นครศรีธรรมราช และสงขลา พร้อมเปิดให้มีการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกันในระดับโลก

การพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงเพื่อรองรับการจัดเก็บข้อมูลดาราศาสตร์ขนาดใหญ่ที่จะกลายเป็น "ศูนย์ข้อมูลดาราศาสตร์แห่งชาติ"  เพื่อเก็บข้อมูลทางดาราศาสตร์และเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าถึงและสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ และศึกษาวิจัยได้ 


การพัฒนาอุปกรณ์รับสัญญาณในช่วงคลื่นเทราเฮิร์ต SIS Mixer ที่ทำงานในสภาวะอุณหภูมิติดลบยิ่งยวดถึง 4 เคลวิน สำหรับรับสัญญาณดาราศาสตร์วิทยุออกแบบและพัฒนาโดยทีมวิศวกร NARIT ตั้งแต่การสร้างและออกแบบระบบ  การขึ้นรูปชิ้นงานความละเอียดสูงสำหรับใช้เป็นส่วนประกอบต่าง ๆ รวมถึงกระบวนการ Wire bonding  ซึ่งทีมวิศวกร NARIT สามารถประดิษฐ์และพัฒนาได้เอง องค์ความรู้ที่ได้สามารถถ่ายทอดและต่อยอดไปสู่ภาคอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ได้ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวในภาคอุตสาหกรรมถือว่ายังมีน้อยมากในประเทศไทย  

นอกจากนี้ NARIT กำลังออกแบบและผลิตกล้องโทรทรรศน์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8 เมตร สำหรับนำไปติดตั้ง ณ หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา พิษณุโลก(หอดูดาวภูมิภาคสำหรับประชาชนแห่งที่ 5 ของไทย)และฐานกล้องโทรทรรศน์ติดตามวัตถุท้องฟ้าอัตโนมัติความแม่นยำสูง รวมถึง Atmospheric LiDAR อุปกรณ์ไลดาร์สำหรับศึกษาวิจัยวิทยาศาสตร์บรรยากาศ ศึกษาปัญหามลพิษทางอากาศทำให้ทราบถึงความหนาแน่นของอนุภาคชนิดต่าง ๆ ที่อยู่ในชั้นบรรยากาศ แต่ละระดับความสูงไปจนถึงชั้นบนสุดที่มลภาวะสามารถผสมเข้ากับชั้นบรรยากาศได้ (Mixing Height) ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงค่าดัชนีฝุ่น PM2.5 ในแต่ละวัน สามารถวัดได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

สำหรับบทบาททางด้านเทคโนโลยีอวกาศ ขณะนี้ทีมวิศวกรไทยกำลังพัฒนาดาวเทียม TSC-1 ดาวเทียมวิจัยวิทยาศาสตร์ ภายใต้ภาคีความร่วมมืออวกาศไทย  โดยขึ้นรูปชิ้นส่วนโครงสร้างและประกอบภายในห้องปฏิบัติการทดสอบและประกอบดาวเทียม (Clean room) ณ อุทยานดาราศาสตร์ สิรินธร จ. เชียงใหม่ เพื่อจะนำขึ้นสู่อวกาศในปี 2570 และสร้างอุปกรณ์วิจัยวิทยาศาสตร์ที่ล้ำสมัย ได้แก่ อุปกรณ์ตรวจวัดสภาพอวกาศ (Moon-Aiming Thai-Chinese Hodoscope: MATCH) ที่จะส่งไปโคจรรอบดวงจันทร์กับยานฉางเอ๋อ 7 และอุปกรณ์ตรวจวัดปริมาณนิวตรอนที่สะท้อนจากพื้นผิวดวงจันทร์ (Assessing Lunar Ion-GeneratedNeutrons: ALIGN) ส่งไปกับยานฉางเอ๋อ 8 ที่จะไปลงจอดบนพื้นผิวด้านไกลดวงจันทร์ภายใต้โครงการสถานีวิจัยนานาชาติบนดวงจันทร์ (ILRS) 


สุดท้าย Astronomy Outreach+ งานด้านการสร้างความตระหนักและการสื่อสารดาราศาสตร์ สู่สังคมยังคงขับเคลื่อนต่อไปอย่างเข้มข้น โดย NARIT วางแผนจัดกิจกรรม Star Party ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปีหน้า ซึ่งจะได้รับการบันทึกเป็น World Record พร้อมขยายกิจกรรม Outreach เพื่อส่งเสริมความตระหนักด้านดาราศาสตร์ไปสู่สังคมไทยและทั่วโลกผ่านการขับเคลื่อนของศูนย์ฝึกอบรมดาราศาสตร์นานาชาติภายใต้ยูเนสโก (ITCA) รวมทั้งยังเดินหน้าดาราศาสตร์เพื่อคนทั้งมวลสานต่อการขยายโอกาสการเรียนรู้ไปสู่กลุ่มผู้มีความต้องการพิเศษ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังการขับเคลื่อนภารกิจด้านต่าง ๆ  ทั้งการวิจัยดาราศาสตร์ที่มุ่งเน้นงานวิจัยขั้นแนวหน้าที่สร้างองค์ความรู้ใหม่ด้านวิทยาศาสตร์ การพัฒนาเทคโนโลยีและวิศวกรรมขั้นสูงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนากำลังคน รวมถึงการสร้างความตระหนักด้านดาราศาสตร์สู่สังคม โดยความร่วมมือกับองค์กรระดับโลกไม่เพียงแต่ยกระดับงานวิจัยในประเทศ แต่ยังผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านดาราศาสตร์ในระดับโลกพร้อมกับการสร้างคุณค่าและมูลค่ากลับสู่สังคมไทย

ความสำเร็จของ NARIT และแนวคิด “Astronomy+” แสดงให้เห็นว่าดาราศาสตร์ไม่ใช่แค่เรื่องของดวงดาว แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคตที่เต็มไปด้วยนวัตกรรม ความรู้ และโอกาสระดับโลก

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้