Last updated: 27 เม.ย 2568 | 22 จำนวนผู้เข้าชม |
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ในการจัดการพลังงานและระบบอัตโนมัติ เผยกลยุทธ์หลักปี 2568 เร่งผลักดันลูกค้าและพาร์ทเนอร์ด้วยสูตรสำเร็จความยั่งยืน สนับสนุนระบบนิเวศอย่างเข้มแข็ง ร่วมสร้างโอกาสทางธุรกิจผ่านความยั่งยืนด้วยผลิตภัณฑ์ โซลูชั่นและบริการล้ำหน้าเพื่อประสิทธิภาพด้านพลังงานสูงสุด สะท้อนการเติบโตของรายได้รวมปี 2567 ทั่วโลก 38,153 ล้านยูโร 74 เปอร์เซ็นต์ เป็นผลจากความสำเร็จในการผลักดันธุรกิจที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเร่งให้ความสำคัญลูกค้าเป็นอันดับแรก เพื่อสร้าง Impact Makers ช่วยลด Green Impact Gap
นายมงคล ตั้งศิริวิช ประธาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ดูแลกลุ่มคลัสเตอร์ ประเทศไทย ลาว และเมียนมา เผยว่า ในฐานะที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นผู้นำระดับโลกด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นการจัดการพลังงานและระบบอัตโนมัติ เผยกลยุทธ์ปี 2568 เน้นการผลักดันลูกค้าและพันธมิตรให้เป็น "Impact Makers" ผ่าน 3 แกนสำคัญเพื่อสร้างความยั่งยืน ได้แก่ Strategize: วางแผนกลยุทธ์เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในระบบนิเวศ Digitize: ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ Decarbonize: ลงมือทำจริงเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์
ผลการดำเนินงานโดดเด่นในปีปี 2561 - 2567
ที่ผ่านมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค สามารถช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตั้งแต่ปี 2561 ถึง 2567 ได้ถึง 679 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการดําเนินงานของซัพพลายเออร์ชั้นนําถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นองค์กรหนึ่งเดียวที่ขึ้นแท่นอันดับ 1 ใน Global 100 ถึง 2 ครั้ง จากการจัดทำโดย Corporate Knights
อีกทั้งความต้องการขององค์กรธุรกิจด้านการสร้างความยั่งยืนมีเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลประกอบการทั่วโลกของชไนเดอร์ อิเล็คทริค เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2567 รายได้รวมทั่วโลก 38,153 ล้านยูโร เติบโต 8% แบบ Organic เทียบกับปีก่อนหน้า และ 74% ของรายได้มาจากธุรกิจที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ลูกค้าทั่วโลกได้ถึง 679 ล้านตัน
นายมงคล เผยว่า สำหรับปีนี้ภาคธุรกิจยังคงต้องให้ความสำคัญของ 3 เมกะเทรนด์ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจและเป็นตัวชี้ทิศทางอนาคตของธุรกิจใหม่ ได้แก่ 3 เมกะเทรนด์สำคัญที่ต้องจับตา
1. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: 70% ของธุรกิจในเอเชียได้รับผลกระทบ พร้อมต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและความเสียหายด้านทรัพย์สิน
2. การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและ AI: ความต้องการพลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์พุ่งกว่า 10 เท่า แม้ 93% ของธุรกิจในเอเชียมีการปรับตัว
3. การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน: ความต้องการพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น คาดประหยัดได้ 2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีหากดำเนินการอย่างจริงจังภายในปี 2573
ผลสำรวจ Green Impact Gap ในเอเชียและไทย
จากผลการสำรวจพบว่า 95% ของธุรกิจในเอเชียมีเป้าหมายด้านความยั่งยืน แต่มีเพียง 47% ที่ดำเนินการอย่างครอบคลุม ไทยมีเป้าหมายความยั่งยืนสูงถึง 98% แต่ดำเนินกลยุทธ์จริงเพียง 48% สะท้อนช่องว่างในการปฏิบัติที่ยังมีอยู่ 83% ของธุรกิจไทยตระหนักถึงความสำคัญของความยั่งยืน โดย 39% มองว่าความยั่งยืนสร้างโอกาสทางธุรกิจ
การขับเคลื่อนสู่ Net Zero ผ่าน EcoStruxure นวัตกรรมที่เปลี่ยนทุกความท้าทายให้เป็นโอกาส
นายมงคล เผยว่าอีกว่า ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มุ่งมั่นในการขับเคลื่อนระบบนิเวศ ทั้งลูกค้าและคู่ค้าสู่การเป็น Impact Makers ไปด้วยกัน ด้วยการพัฒนานวัตกรรมและซอฟต์แวร์ เพื่อรองรับ "พลังงานไฟฟ้า 4.0" ผสานเทคโนโลยีดิจิทัลกับระบบไฟฟ้าเพื่อความยั่งยืน โดยมุ่งเน้นใน 4 กลุ่มตลาดหลัก ได้แก่ อาคาร: ใช้เทคโนโลยีลดการใช้พลังงานได้ถึง 40% และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนถึง 77% ดาต้าเซ็นเตอร์ อุตสาหกรรม ระบบโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับกลุ่มบ้านพักอาศัย ยังมีนวัตกรรม Home Energy Management Solutions (HEMS) ใช้ AI บริหารการผลิต จัดเก็บ และใช้พลังงานในบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการยกย่อง Impact Makers ไทย ที่มุ่งมั่นสร้างความยั่งยืนร่วมกันผ่านการปรับใช้นวัตกรรมและโซลูชั่นลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อีกทั้งยังอยู่ในกลุ่ม Impact Makers ผ่านเวที Sustainability Impact Awards 2024 ที่พร้อมร่วมกันขับเคลื่อนสู่สังคม Net Zero ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จึงได้คัดเลือก 5 องค์กรไทยได้รับรางวัล ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ อาซีฟา จำกัด (มหาชน) คอมพลีท อิเล็คทริเคิล โซลูชั่นส์ จำกัด การมอบรางวัลนี้สะท้อนถึงความร่วมมือในการสร้างระบบนิเวศ Net Zero และสร้างโอกาสทางธุรกิจในระดับโลก
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ตอกย้ำพันธกิจการเป็นผู้นำความยั่งยืน ทั้งผ่านการพัฒนาโซลูชั่น เทคโนโลยี และการส่งเสริมคู่ค้าและลูกค้าให้เป็น Impact Makers ขับเคลื่อนระบบนิเวศธุรกิจสู่ความยั่งยืน และพร้อมรับมือกับเมกะเทรนด์ใหญ่ที่กำลังกระทบโลกธุรกิจอย่างแท้จริง